ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน พ. 2523 นอกจาก เป็นการต้องห้ามตามกฎหมาย จึงเป็นโมฆะแล้ว ยังเป็นความผิดตามกฎหมาย คือพ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ. 2475 ซึ่งตราขึ้นบังคับใช้โดยมีเหตุผลสำคัญคือ การให้กู้ยืมเงินโดยอัตราดอกเบี้ยสูงเกินอัตรานั้น ย่อมเป็นทางเสื่อมประโยชน์ของบ้านเมือง สมควรจะป้องกันกันราษฎรมิให้ต้องเสียดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ การกระทำที่เป็นความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราตามพ. โดยสรุปคือ ให้กู้ยืมเงินโดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด หรือกำหนดข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับจำนวนเงินกู้ในสัญญากู้เงินเพื่อปิดบังการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา หรือนอกจากเรียกดอกเบี้ยแล้วยังเรียกประโยชน์อย่างอื่นจนเห็นได้ว่าประโยชน์ได้รับมากเกินส่วนอันสมควร ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 พันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ พ. 2475 ใช้บังคับมาจนถึงต้นปี 2560 ก็ถูกยกเลิกเมื่อมีการตรา พ. 2560 ออกใช้บังคับแทน โดยกำหนดลักษณะความผิดไว้คล้ายกับที่บัญญัติในพ. 2475 โดยกำหนดโทษเพิ่มขึ้นเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกำหนดความผิดของผู้ได้มาซึ่งสิทธิเรียกร้องจากบุคคลอื่นโดยรู้อยู่ว่าเป็นสิทธิที่ได้มาจากการกระทำความฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา และใช้สิทธินั้นหรือพยายามถือเอาประโยชน์แห่งสิทธินั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา *แนวคำพิพากษาศาลฎีกาคดีเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา* เรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ดอกเบี้ยทั้งหมดเป็นโมฆะ คำพิพากษาศาลฎีกาที่2333/2532 วินิจฉัยว่าหนี้เดิมซึ่งจำเลยกู้เงินโจทก์ โดยมีดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อเดือน ดอกเบี้ยทั้งหมดย่อมตกเป็นโมฆะ เพราะเป็นการต้องห้ามชัดแจ้งตามพ.
ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา คือทางออกของปัญหา ปัญหาดอกเบี้ยเงินกู้ถือเป็นหนึ่งในปัญหาระดับชาติ หากปล่อยไว้มีแต่จะทำให้เกิดปัญหาที่ใหญ่ขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้มี ธุรกิจสีเทา ที่หากินกับความเดือดร้อนของคนอื่นจนกลายเป็นเรื่องปกติ ด้วยเหตุนี้ พ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ฉบับปี พ. ศ. 2560 จึงได้มีการบังคับใช้อย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่เมื่อต้นปี พ. 2560 ที่ผ่านมา "พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ. 2560" ได้ถูกนำมาใช้แทนพระราชบัญญัติฉบับเดิมปี พ.
พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ. ศ. 2560 มาตรา 4 บุคคลใดให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงิน โดยมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ( 1) เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ ในปัจจุบันมีเจ้าหนี้นอกระบบจำนวนมาก และส่วนมากจะคิดดอกเบี้ยเกินที่กฎหมายกำหนด ซึ่งดอกเบี้ยตามกฎหมาย ได้ระบุไว้ว่า " ต้องไม่เกิน ร้อยละ 15 ต่อปี หรือ ร้อยละ 1. 25 ต่อเดือน " แต่ส่วนใหญ่ เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน หรือบางคนคิดจำนวนดอกเบี้ยมากกว่านี้ ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นหากเจอเจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยเกินตามที่กฎหมายกำหนดจะต้องปฎิบัติดังนี้ 1. แจ้งความกับตำรวจให้เอาผิดกับทางเจ้าหนี้ที่คิดดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด โดยโทษทางกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200, 000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2. หากเจ้าหนี้มีการฟ้องคดีต่อศาลกับลูกหนี้ ตามสัญญากู้ยืมเงิน ดอกเบี้ยที่เจ้าหนี้ได้กำหนดไว้ จะตกเป็นโมฆะ ไม่สามารถเรียกดอกเบี้ยกับลูกหนี้ได้ เจ้าหนี้จะเรียกให้ชำระได้เพียงเงินต้นคืนเท่านั้น เช่น นาย ก.
โดย: TAN [IP:] เมื่อ: 2020-08-29 18:06:55 ๑. เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราเป็นคดีความอาญาแผ่นดิน (? ) ๒. หากผู้กู้ยินยอมให้เรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา จะทำให้ไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาเพราะไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยหรือไม่?
มีบัญชีอยู่แล้ว? 9 ส. ค. 2020 เวลา 08:58 • การศึกษา การเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา มีผลอย่างไรบ้าง? รูปภาพจาก pixabay และ canva สวัสดีครับ ท่านผู้อ่าน วันนี้ผมจะมาเล่าเกี่ยวกับ การเรียก "ดอกเบี้ยเกินอัตรา" ครับ อัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนดนั้น ได้กำหนดไว้ในกฎหมายแพ่ง ซึ่งกฎหมายได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ ไม่ให้คิดดอกเบี้ยเกิน ร้อยละ 15 ต่อปี ตามป. พ. มาตรา 654 แต่ถ้าจะเรียกอัตราร้อยละ 15 ต่อปีได้นี้ ต้องตกลงกันไว้ในสัญญาให้ชัดเจนด้วยนะครับ เพราะหากการกู้ยืมเงินโดยที่เราไม่ได้กำหนดดอกเบี้ยชัดเจน เช่น ตกลงในสัญญาว่า ให้คิดดอกเบี้ยในอัตราตามกฎหมาย หรือ ตามกฎหมายอย่างสูง เพียงเท่านี้ เคยมีฎีกาที่ศาลได้ตัดสินในกรณีนี้ว่า ให้ตีความ ไปในทางที่เป็นคุณแก่จำเลย คือ เจ้าหนี้เรียกดอกเบี้ยได้เพียง ร้อยละ 7. 5 ต่อปี ตาม ป. มาตรา 7 (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3708/2528) แต่หากมีการตกลงเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าร้อยละ 15 ต่อปีล่ะ? จะมีผลอะไรบ้างตามกฎหมาย 1. ส่วนของ "ดอกเบี้ย" เป็นโมฆะทั้งหมด (แต่ในส่วนของเงินต้นยังนั้นยังสมบูรณ์) **ต้นเงินจริงๆนะครับที่สมบูรณ์ จะหัวหมอนำดอกเบี้ยเกิน อัตรามารวมกับเงินต้นด้วย ก็โมฆะในส่วนนั้นเช่นกัน 2.
มาตรา 411 หาอาจเรียกร้องให้คืนดอกเบี้ยที่ชำระได้ไม่ ในข้อนี้ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า โจทก์ในฐานะผู้ให้กู้เป็นฝ่ายเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เมื่อข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยเป็นโมฆะแล้วและจำเลยไม่อาจเรียกคืนดอกเบี้ยที่ชำระฝ่าฝืนกฎหมายแล้ว โจทก์ก็ย่อมไม่มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยดังกล่าวด้วย ต้องนำดอกเบี้ยที่จำเลยชำระแล้ว 7, 500 บาทไปหักเงินต้น คำพิพากษาศาลฎีกาต่อมาก็ถือตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาประชุมใหญ่ข้างต้น คือคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 930/2561 ที่วินิจฉัยว่า จำเลยกู้เงินจากโจทก์ 3 ล้านบาท และรู้ว่าโจทก์เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดมาตลอดอันเป็นการฝ่าฝืนพ. 2475 มาตรา 3 ประกอบ ป. มาตรา654 ข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยย่อมเป็นโมฆะ การที่จำเลยยอมชำระดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดแก่โจทก์ ถือเป็นการชำระหนี้ฝ่าฝืนข้อห้าม ตามป. มาตรา 411 ไม่อาจเรียกร้องให้คืนดอกเบี้ยที่ชำระแล้วคืนได้ แต่เมื่อข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยเป็นโมฆะแล้ว โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยดังกล่าวด้วย ต้องนำดอกเบี้ยที่ชำระแล้วไปหักเงินต้นตามหนังสือสัญญากู้ยืมเงิน
มาตรา 224 วรรคหนึ่ง ปรึกษากฎหมายโทร 080-9193691, 02-0749954 หรือ แอดไลน์ @closelawyer หรือ คลิก สาขาเชียงใหม่ โทร 080-3955536 แอดไลน์ @closelawyercmi หรือ คลิก ตามกฎหมายดอกเบี้ยไม่สามารถคิดได้เกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปี แต่หากเจ้าหนี้เรียกหนี้เบี้ยเกินกว่านั้นถือว่าเป็นการไม่ชอบและไม่มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยในหนี้ดังกล่าว
Sitemap | fromcoldtogold.com, 2024