เมื่อวันที่ 9 มี. ค. 65 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายให้ กระทรวงมหาดไทย (มท. ) ขับเคลื่อนการดำเนินงานศูนย์อำนวยการขจัดความยากจน และพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ. ) ในระดับพื้นที่ ซึ่ง พล. อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย และตน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่มอบนโยบายและซักซ้อมแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด พัฒนาการจังหวัด ท้องถิ่นจังหวัด นายอำเภอ รวมถึงทีมขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ในทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อให้เกิดความรับรู้เข้าใจการดำเนินงาน เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลที่จะ "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ก. ย. 65 โดย นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนขจัดความยากจน และพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของ ศจพ.
ทุกระดับ พร้อมบันทึกลงใน Logbook รวมถึงให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ สื่อสาร ประชาสัมพันธ์ ทุกช่องทาง ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความยากจนให้เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำในตอนนี้ อันถือเป็น "กระดุมเม็ดแรก" คือ ต้องสำรวจผู้ได้รับความเดือดร้อนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายให้ครบ โดยกรมการปกครองได้พัฒนาระบบ Thai QM เป็นเครื่องมือให้อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม. )
ทาน การให้ 2. สีล ความประพฤติ 3. ปริจจาค การบริจาค 4. อาซซว ความเที่ยงตรง 5. มททว ความละมุนละไม 6. ตป การขจัดเผาผลาญความชั่ว 7. อกโกธ ความไม่โกรธ 8. อหิงสา ความไม่เบียดเบียนกัน 9. ขนติ ความอดทน 10. อวิโรธน ความไม่ประพฤติผิดธรรม ธรรมะ 4 ประการ ได้แก่ 1. พิจารณาความชอบหรือความผิดแห่งผู้กระทำให้เป็นประโยชน์และมิได้เป็นประโยชน์แก่พระองค์ 2. รักษาพระนครและขอบฑสีมา ให้สุขเกษมโดยยุติธรรม 3. ทะนุบำรุงบุคคลผู้มีศีลธรรม 4. เพิ่มพูนพระราชทรัพย์โดยยุติธรรม พระราชจรรยานุวัตร 12 ประการ คือ พระราชจรรยานุวัตรอันเป็นที่ตั้งแห่งกายยึดเหนี่ยวน้ำใจประชาชน ได้แก่ 1. ควรพระราชทานโอวทและอนุเคราะห์ข้าราชการอาณาประชาราษฎรทั้งในและนอกพระราชอาณาจักร 2. ความทรงผูกพระราชไมตรีกับนานาประเทศ 3. ควรทรงสงเคราะห์พระราชวงศ์ตามควรแก่พระอิสริยยศ 4. ควรทรงเกื้อกูลพราหมณ์ คหบดีและคหบดีชน 5. ควรทรงอนุเคราะห์ประชาชนโดยสมควรแก่ฐานานุรูป 6. ควรทรงอุปการะสมณพราหมณ์ผู้มีศีลประพฤติชอบ 7. ควรทรงอนุรักษ์ฝูงเนื้อและนกโดยไม่ให้ผู้ใดเบียดเบียนทำอันตรายจนสูญพันธุ์ 8. ควรทรงห้ามชนทั้งหลายไม่ให้ประกอบกิจที่ไม่ชอบด้วยความธรรม ชักนำให้ตั้งอยู่ในกุศลจิต ประกอบการเลี้ยงชีพโดยทางธรรม 9.
การปกครองส่วนภูมิภาค คือการปกครองพระราชอาณาเขต กรุงศรีอยุธยาได้แบบแผนมาจากครั้งกรุงสุโขทัย โดยการแบ่งหัวเมืองออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 2. 1 หัวเมืองชั้นใน มีกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีเมืองป้อมปราการด่านชั้นในสำหรับป้องกันราชธานีทั้ง 4 ทิศ เรียกว่า เมืองลูกหลวง ซึ่งอยู่ห่างจากราชธานี เป็นระยะทางเดิน 2 วัน ทิศเหนือ คือ เมืองลพบุรี ทิศใต้ คือ เมืองพระประแดง ทิศตะวันออก คือ เมืองนครนายก ทิศตะวันตก คือ เมืองสุพรรณบุรี นอกจากนั้น ยังมีหัวเมืองชั้นในตามรายทางที่อยู่ใกล้ๆ กับเมืองลูกหลวง เช่น เมืองปราจีน เมืองพระรถ(เมืองพนัสนิคม) เมืองชลบุรี เมืองเพชรบุรี เมืองราชบุรี เป็นต้น และถ้าเมืองใดเป็นเมืองสำคัญก็จะส่งเจ้านายจากราชวงศ์ออกไปครอง 2. 2 เมืองพระยามหานคร หรือหัวเมืองชั้นนอก คือ เมืองใหญ่ที่อยู่ห่างจากหัวเมืองชั้นในออกไป ทิศตะวันออก คือ เมืองโคราชบุรี(นครราชสีมา) เมืองจันทบุรี ทิศใต้ คือ เมืองไชยา เมืองนครศรีธรรมราช เมืองพัทลุง เมืองสงขลา และเมืองถลาง ทิศตะวันตก คือ เมืองตะนาวศรี เมืองทะวาย เมืองเชียงกราน 2.
ทำสารบัญชี โดยการตั้งเป็นกรม แบ่งงานออกเป็น ๑. ๑ สุรัสวดีกลาง ๑. ๒ สุรัสวดีขวา ๑. ๓ สุรัสวดีซ้าย ๒. มีการแต่งตำรายุทธพิชัยสงคราม เพื่อใช้เป็นหลักในการทำสงครามให้ถูกยุทธวิธี ซึ่งเป็นตำราที่ใช้ยึดเป็นหลักปฏิบัติกันมาจนสิ้นกรุงศรีอยุธยา ชายฉกรรจ์ ที่มีสัญชาติไทย มีหน้าที่ดังนี้ 1. เมื่ออายุได้ 18 ปี ต้องขึ้นทะเบียนเป็นไพร่สม ต่อเมื่ออายุ 20 ปี จึงจะรับราชการเป็นไพร่หลวง และอยู่ในราชการจนกว่าจะอายุครบ 60 ปี จึงจะถูกปลด แต่ถ้ามีบุตรชายและส่งเข้ารับราชการ 3 คน ให้บิดาพ้นราชการได้ 2. ชายฉกรรจ์ทุกคนต้องมีสังกัดอยู่ในกรมใดกรมหนึ่ง ลูกหลานผู้สืบสกุลต้องอยู่ในสังกัดเดียวกัน ถ้าจะย้ายสังกัดต้องขออนุญาตก่อน 3. ในเวลาที่บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไพร่หลวงจะต้องเข้าประจำการปีละ 6 เดือน เรียกว่า เข้าเวร และจะต้องหาเสบียงของตนเองมาด้วย การเข้าเวรนี้จะเข้าเวร 1 เดือน แล้วออกเวรไปทำมาหากิน 1 เดือนแล้วจึงกลับมาเข้าเวรใหม่ สลับกันจนครบกำหนด 4. หัวเมืองชั้นนอก ที่อยู่ห่างไกลในยามปกติ ไม่ต้องการคนเข้ารับราชการมากเหมือนในราชธานี จึงใช้วิธีเกณฑ์ส่วนแทนการเข้าเวร โดยการนำของที่ทางราชการต้องการ เช่น ดินประสิว แร่ดีบุก ฯลฯ มาให้กับทางราชการแทนการเข้าเวร
Sitemap | fromcoldtogold.com, 2024