เพื่อนร่วมงานมีงาน แต่ไม่ทำ! นอกจากหัวข้อเรื่องหัวหน้าแล้ว สิ่งที่หน้าเหนื่อยหน่ายใจไม่แพ้กันก็คือเพื่อนร่วมงานประเภทมือไม่พายแถมเอาเท้าราน้ำ แบบในเคสนี้ "มีเพื่อนที่ทำงานคนนึงที่นิสัยแบบว่ามีงานของตัวเองนะ แต่ไม่ทำอะ ชอบโบ้ยให้คนอื่นช่วย ส่วนตัวเองก็เอาเวลาไปทำอะไรที่ไม่เกิดประโยชน์เลย แต่พอเป็นอะไรที่ได้คำชมเชยแบบทั้งทีม ยัยนี่เสนอหน้าแจ๋นมาคนแรกเลย เหมือนมาเคลมรางวัลเอาหน้า แบบนี้ใคร ๆ ก็ไม่อยากทำงานด้วยปะ! "
ไม่แยกแยะ คนประเภทนี้จะไม่แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน เก็บปัญหาส่วนตัวมาทำให้งานได้รับผลกระทบ 17. นักสร้างภาพ กลุ่มนี้จะสร้างภาพทำงานดูวุ่นวายตลอดเวลา ทั้งที่งานมีนิดเดียว 18. แอ๊บป่วย มักอ้างสารพัดเหตุผลไม่สบายเพื่อลางาน เช่น ปวดหัว ตัวร้อน ท้องเสีย สุนัขไม่สบาย 19. แอบอู้ สะท้อนได้จากพฤติกรรมหลายอย่างที่ทำ เช่น ปฏิสัมพันธ์ดีเกินไป เจอใครก็ไปคุยด้วยเรื่อยเปื่อย ลุกไปชงกาแฟ เข้าห้องน้ำบ่อยๆ หรือท่องโลกสังคมออนไลน์ คุยโทรศัพท์นานๆ แกล้งปรึกษางานกับเพื่อนร่วมงานนานๆ ทั้งที่เนื้องานจริงมีเล็กน้อย 20.
กลุ่มที่สร้างปัญหาและกลุ่มที่สร้างภาระ ถ้า2กลุ่มนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่มีการพัฒนา จะเป็นกลุ่มที่ฉุดรั้งหน่วยงานหรือองค์กรไปสู่ความหายนะ... จะเก็บหรือจะแก้หรือจะตัด.... ต้องรีบทำครับ! Part 4. กลุ่มที่ไม่สร้างอะไรชัดเจน... อาจเป็นกลุ่มที่ทัศนคติพอใช้แต่ขาดการเรียนรู้ ไม่มีใครเป็น Coach ให้ ควรให้โอกาสกลุ่มนี้ พัฒนาดีๆ จะกลายเป็นกลุ่มที่ช่วยสร้างผลงานหรือรายได้ไม่ทางตรงก็ทางอ้อมให้กับองค์กรได้ ปัญหาของกลุ่มนี้ ส่วนมากเกิดจาก หัวหน้าหรือผู้จัดการ ไม่ได้เป็น Coach ให้กับกลุ่มนี้ครับ! ส่วนกลุ่มที่สร้างผลงาน... ให้กับหน่วยงานและองค์กร ไม่ต้องคิดมาก ดูแลรักษาและต่อยอดกลุ่มนี้ให้ดีที่สุด เพราะเป็น ชนกลุ่มน้อย ที่มีคุณค่าที่สุดของหน่วยงานและองค์กร! Part 5. เมื่อแยกแยะแต่ละกลุ่มได้ชัดเจน การคุยและการ Coaching แต่ละกลุ่ม คือขั้นตอนต่อไปที่ต้องทำ แล้วจะพบว่า แต่ละกลุ่มควรจะให้โอกาส จะพัฒนาอย่างไร กลุ่มไหนถึงที่สุดแล้วต้องตัดทิ้งอย่าลังเล! กลุ่มไหนที่ควรให้โอกาส? กลุ่มไหนที่ควรต่อยอด? หลังจากนั้น หัวหน้าทีมหรือผู้จัดการ ก็ต้องติดตามผลและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อ Feedback ให้แต่ละกลุ่มรับรู้และให้ผู้บริหารรับทราบ เพื่อที่จะหาข้อสรุปว่า กลุ่มที่ให้โอกาสแล้ว ดีขึ้นมากหรือน้อย?
เหตุผลที่รัฐบาลกำหนดอัตราโทษปรับนายจ้างที่จ้างคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานที่รุนแรง การที่รัฐบาลกำหนดโทษปรับนายจ้างที่จ้างคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานที่รุนแรง โดยหวังว่านายจ้างทั่วประเทศจะเกิดความเกรงกลัวและไม่กล้าจ้างคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานอีกต่อไป โดยรัฐบาลมีพื้นฐานความคิดที่ว่า เหตุที่นายจ้างจ้างคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเพราะนายจ้างไม่ต้องการแบกรับต้นทุนต่างๆ เช่น ค่าจ้างและสวัสดิการตามกฎหมาย ค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียน เป็นต้น ดังนั้นเมื่อพระราชกำหนดมีผลใช้บังคับ นายจ้างจึงคัดค้าน กับไม่ยอมให้ความร่วมมือในการจัดระเบียบการทำงานของคนต่างด้าว 4.
เจ้านายโลเล ไม่มีความรู้ ขาดความเป็นผู้นำ อีกหนึ่งปัญหายอดฮิตที่ได้ยินเพื่อน ๆ หลายคนบ่นกันบ่อย ๆ ก็คือตัวหัวหน้าที่ขาดความเชี่ยวชาญในการนำทีม "หัวหน้างานไม่มีความรู้เรื่องงานที่ทำอยู่เลยสักนิด และชอบยึดเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันผิด พอคนในทีมแย้งก็ทำเป็นใส่อารมณ์บ้าง ทำเป็นน้อยใจบ้าง ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง ได้แต่รู้สึกเพลียไปวัน ๆ" หรืออีกหลาย ๆ เคสก็คือการไม่กล้าตัดสินใจ ปล่อยให้สถานการณ์และตัวงานคลุมเครือ จนบางทีก็ทำให้เสียงาน งานล่าช้าเกินกำหนดไปบ้างหรือต้องมาเปลี่ยนเนื้องานกันไฟแล่บแบบนาทีสุดท้ายบ้าง เจอบอสแบบนี้ เป็นใครก็กลอกตาและบ่น (เบา ๆ) ว่า "หนูก็ไม่ไหว! " A: คุยกันค่ะ การสนทนาคือทางออกที่ดีของมนุษย์ อย่าคิดว่าเราเป็นแค่ลูกน้องจะไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงแสดงความคิดเห็นอะไร ไม่มีใครเก่งไปเสียทุกเรื่อง หากเรามีประสบการณ์ในเนื้องานที่ทำ เราต้องให้คำแนะนำคนอื่น แม้ว่าคนนั้นจะเป็นหัวหน้า ทุกคนย่อมต้องเรียนรู้ไปพร้อมกัน แต่หากคุณเองเป็นหัวหน้าอย่างที่ว่ามา อย่างแรกที่ต้องทำคือเปิดใจ ใจกว้าง รับฟังคำติชมจากลูกน้องและเพื่อนร่วมงานบ้าง อย่าไปคิดว่าเราอยู่เหนือกว่าใคร ต้องทำงานอย่างมืออาชีพ พร้อมที่จะพัฒนาไปพร้อมกับทุกคน เพราะยังไงก็ตามในทีมก็ต้องย่อมต้องมีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการทำงานอยู่แล้ว Q3.
ขั้นแรก... ต้องแยกแยะ "คน" ในหน่วยงานนั้น (ถ้าจะเน้นแก้เฉพาะหน่วยงาน) หรือ คนในองค์กร (ถ้าจะแก้ปัญหาเรื่องคนทั้งองค์กร) ออกมาให้ชัดเจนครับ ว่ามีกี่กลุ่ม? กลุ่มที่สร้างปัญหา.. กลุ่มนี้ถ้าสร้างปัญหาอย่างร้ายแรงเช่นทุจริต หรือทัศนคติลบซ้ำซากไม่ยอมเปลี่ยนแปลงและยังชักนำคนอื่นๆ ให้มีทัศนคติลบไปด้วย หรือสร้างปัญหาซ้ำซากกับลูกค้าแบบไม่แคร์อะไร "อย่าเก็บกลุ่มนี้ให้สร้างปัญหาต่อไปเป็นอันขาด! " แต่ปัญหาคือ.. บรรดาหัวหน้าทีมไปจนถึงผู้บริหาร มักจะกล้ำกลืนฝืนทน เก็บเอาไว้.. เพื่ออะไรครับ!? ส่วน กลุ่มที่สร้างภาระ.. กลุ่มนี้อาจไม่ถึงกับสร้างปัญหา แต่สร้างภาระให้กับหน่วยงาน ส่วนมากเป็นกลุ่มคนที่อยู่มานาน แต่ไม่มีการพัฒนา ไม่ชอบเรียนรู้ นับวันยิ่งเป็นภาระขององค์กร ขึ้นอยู่กับผู้นำองค์กรว่าจะมองกลุ่มนี้ยังไง? เห็นว่าอยู่มานานก็ไม่อยากไปทำอะไรกับกลุ่มนี้ ส่วนมากจึงปล่อยให้กลุ่มนี้สร้างภาระต่อไป.. ถ้ากล้าคิด กล้าตัดสินใจ ต้องคุยกับกลุ่มนี้ให้ชัดให้เข้าใจตรงกันว่า การอยู่มานานถ้าไม่พัฒนาก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง! จะเรียนรู้ทักษะใหม่ๆวิธีคิดใหม่ๆเพื่อไม่ให้เป็นภาระของหน่วยงานและองค์กร หรือจะลดวันทำงานลดรายได้ของกลุ่มนี้ไปจนถึงจากกันด้วยดีแต่เพียงเท่านี้ ให้กลุ่มนี้เลือกเอา!
คนที่ไม่เคยเจอปัญหา คือคนที่ไม่ทำอะไรเลย! ประโยคสุดคลาสิกที่ได้ยินกันมานาน ส่วนมากก็ไว้ปลอบใจเวลาเจอเรื่องยาก ๆ เข้ามาถาโถม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะเวลาทำงานกับคนหมู่มาก ยิ่งมากคนก็ยิ่งมากความอย่างที่เขาบอก นาน ๆ ไปก็กลายเป็นความทุกข์สะสม พาลจะทำงานไม่มีความสุขเอาซะงั้น LINE TODAY รวบรวมตัวอย่างปัญหาที่ชอบทำให้ชาวออฟฟิศปวดใจ แต่บอกใครไม่ได้ พร้อมวิธีรับมือมาฝากกัน Q1. หน้าที่งานไม่ชัดเจน อาสาช่วยทำ แต่กลายเป็นงานเราซะงั้น!
ปัญหาเรื่องคน ในที่นี้หมายถึงทุกระดับ ตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูง ลงมาจนถึงพนักงานระดับปฏิบัติการที่เป็นปัญหาทุกเรื่องของทุกหน่วยงานในบริษัท เช่น มีทัศนคติที่เป็นลบกับงาน กับสินค้า กับหัวหน้า หรือกับลูกค้า / ทักษะไม่เพียงพอกับตำแหน่งหน้าที่ /ไม่ยอมรับหรือต่อต้านการเปลี่ยนแปลง /เรื่อยเฉื่อย ไม่มีความกระตือรือร้น /ขาดวินัย ขาดความรับผิดชอบ /ไม่มีการพัฒนาและไม่ชอบการเรียนรู้ /ติดโซเชียล เน็ตเวิร์คจนทำให้ทำงานไม่เต็มที่ ฯลฯ ถ้าถูกถามคำถามนี้ คำตอบของท่านจะเป็นแบบไหนครับ!? คงหายากที่จะตอบว่า ที่หน่วยงาน หรือที่องค์กร ไม่มีปัญหาเรื่องคนเลย ทุกอย่างเลิศเลอ เพอร์เฟ็ก! คำตอบของบางท่าน อาจจะตอบว่า มีปัญหาเรื่องคนบ้าง แก้ไขได้บ้าง แก้ไขไม่ได้บ้าง! แต่คำตอบของหลายๆท่านส่วนมาก อาจจะตอบว่า มีปัญหาเรื่องคนพอสมควร และแก้ไขไม่ค่อยได้! Part 2. "แล้วที่ผ่านมา ปัญหาเรื่องคน ทำไมแก้แล้วไม่ค่อยได้ผล!? " ถ้าจะแก้เรื่องคน คงไม่สามารถแก้ด้วยการฝึกอบรมแบบเป็นครั้งคราวอย่างที่ทำกัน (เพราะถ้ามันได้ผล ก็คงได้ผลกันไปแล้ว จริงมั๊ยครับ!? ) ถ้าจะแก้ให้ได้ผล ต้อง "แก้และป้องกัน" ไปด้วย เพื่อให้ปัญหาเรื่องคน มีน้อยที่สุดในอนาคต เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีปัญหาเรื่องคนเลย แต่ถ้ามีต้องแก้ให้เป็นและมีวิธีป้องกันในระยะยาวครับ ลองนำแนวทางนี้ไปปรับใช้ดูนะครับ... Part 3.
พูดคุยทันที อย่ารอจนคุณหรือหัวหน้ารู้สึกโกรธและรำคาญใจจากปัญหานี้จนรู้สึกปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว เพราะนั่นหมายความว่าคนอื่นๆในทีมอาจจะทนไม่ได้แล้วก็เป็นได้ พูดคุยเพื่อรับรู้ถึงปัญหาของพนักงานที่มาสายทันทีเพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลาย ทำให้พนักงานเข้าใจว่าเวลาที่ควรพร้อมสำหรับทำงานคือเวลาเข้างาน และหาทางออกของปัญหาร่วมกันหากมีเหตุผลที่ดีเพียงพอ นอกจากนี้การเรียกคุยยังทำให้พนักงานที่มาสายรู้ด้วยว่าหัวหน้าอย่างคุณไม่ได้ปล่อยปละละเลย 5.
Sitemap | fromcoldtogold.com, 2024