ความลึกของแผล 2. ระยะเวลาในการเกิดแผล การอักเสบเรื้อรัง 3. ชนิดของการบาดเจ็บ เช่น การบาดเจ็บชนิดรุนแรง เป็นต้น 4. ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เนื่องจากว่าหากมีการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันมากก็จะทำให้เซลล์ (Fibroblast) มีการสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพันหรือคอลลาเจนออกมาปริมาณมากก็จะมีผลต่อการเกิดแผลเป็นแบบลักษณะโตนูน (Hypertrophic scars) หรือเนื้องอกแผลเป็นที่เรืยกว่า คีลอยด์ (Keloid) รอยแผลเป็นมีแบบไหนบ้าง 1. รอยแผลเป็นอาจจะมีลักษณะโตนูน (Hypertrophic scars) เช่น แผลผ่าตัด เป็นต้น 2. รอยแผลเป็นที่ลึกบุ๋มลงไป (Depressed scar) เช่น หลุมสิวต่างๆ เป็นต้น 3. รอยแผลเป็นที่มีการหดรั้ง (Scar contracture) เช่น แผลไฟไหม้ แผลโดนสารเคมี เป็นต้น และรอยแผลเป็นเหล่านี้สามารถมีสีที่เข้มขึ้น เรียกว่าภาวะ Post-inflammatory Hyperpigmentation เช่น รอย แผลเป็นจากสิว รอยดำ ที่เกิดจากกระบวนการอักเสบจากการเกิดสิวหรือการเกิดแผล ไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ผิวหนัง ทำให้เกิดสีของแผลเป็น และรอยแผลเป็นที่มีสีแดง เรียกว่า ภาวะ Post-inflammatory Erythema เป็นรอยแดงจะเกิดขึ้นจากผลหลอดเลือดแดงฝอยที่แตกบริเวณที่เกิดการอักเสบมาก่อน ปัจจัยที่ทำให้รอยแผลเป็นหายเร็วหรือช้า มีหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น 1.
สยามรัฐออนไลน์ 16 เมษายน 2565 00:15 น.
Sitemap | fromcoldtogold.com, 2024